ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ อาศัยการประยุกต์ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ได้แรงผลักดันจากความอยากรู้ อยากเห็น การวิจัยเป็นตัวสร้างข้อมูลข่าวสารเชิงวิทยาศาสตร์และทฤษฎีที่มนุษย์นำมาใช้ในการอธิบายธรรมชาติและ คุณสมบัติของสรรพสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา การวิจัยช่วยให้การประยุกต์ทฤษฎีต่าง ๆ มีความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้รับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ องค์การการกุศล กลุ่มเอกชนซึ่งรวมถึงบริษัทต่าง ๆ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำแนกได้เป็นประเภทตามสาขาวิทยาการและวิชาเฉพาะทาง คำว่าการวิจัยยังใช้หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับวิชาการ บางสาขาอีกด้วย
เนื้อหา
การวิจัยขั้นพื้นฐาน
วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยขั้นพื้นฐานคือการสร้างความก้าวหน้าในความ รู้และความเข้าใจเชิงทฤษฎีของสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างตัวแปรต่าง ๆ (ดูสถิติ) ด้วยการบุกเบิกที่เกิดจากการผลักดันของความอยากรู้อยากเห็น, ความสนใจ และการรู้เองของ ตัวผู้วิจัยเอง เป็นการดำเนินการที่ยังไม่มีการคำนึงถึงการนำไปใช้ประโยชน์ไว้ล่วงหน้าแม้ ว่าในระหว่างการวิจัยจะมีการส่อว่าอาจนำผลไปประยุกต์เชิงปฏิบัติได้ก็ตาม คำว่า “พื้นฐาน” เป็นการบ่งชี้ว่าการวิจัยขั้นพื้นฐานเป็นการวางรากฐานให้เกิดการก้าวไปข้าง หน้าด้วยการสร้างทฤษฎีที่บางครั้งอาจนำไปประยุกต์ในเชิงปฏิบัติได้ เนื่องจากการที่ไม่อาจประกันได้ว่าการวิจัยจะมีประโยชน์เชิงปฏิบัติได้ใน ระยะสั้นได้นี้เองที่ทำให้นักวิจัยขั้นพื้นฐานหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนได้ ยากกว่าการวิจัยแบบอื่นตัวอย่างคำถามที่เกี่ยวกับการวิจัยขั้นพื้นฐาน:
- ทฤษฎีสตริงจะตอบทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ในสาขาวิชาฟิสิกส์ได้หรือไม่?
- ในแง่มุมใดบ้างของจีโนมที่สามารถอธิบายความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตได้?
- เป็นไปได้หรือไม่ที่จะพิสูจน์หรือหักล้างข้อความคาดการณ์ของโกลด์บาช ได้ (เช่น ทุก ๆ เลขคู่จำนวนเต็มที่มากกว่า 2 สามารถเขียนเป็นผลรวมของสองเลขจำเพาะนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเลขจำเพาะที่เด่น
กระบวนการวิจัย
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ดูบทความหลักที่: ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์
โดยทั่วไป เป็นที่เข้าใจกันว่าการวิจัยคือการกระทำตามกระบวนการที่มีโครงสร้างเฉพาะอัน ใดอันหนึ่ง แม้ว่ากระบวนการต่าง ๆ ดังกล่าวจะมีความผันแปรแตกต่างกันไปตามลักษณะของเนื้อหางานและตามนักวิจัย อยู่บ้างก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ทั้งงานวิจัยขั้นพื้นฐานและการวิจัยประยุกต์จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้:- การวางเนื้อเรื่องและกำหนดชื่อเรื่อง
- การตั้งสมมุติฐาน
- การนิยามแนวคิด (Conceptual definition)
- การนิยามวิธีการทำวิจัย (Operational definition)
- การรวบรวมข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูล
- การทดสอบและการปรับสมมุติฐาน
- การสรุปและการทำซ้ำ (iteration) ถ้าจำเป็น
การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์
กรรมวิธีวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ประกอบ ด้วยเทคนิคและแนวทางที่นักประวัติศาสตร์ใช้แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์และ หลักฐานอื่นมาใช้เพื่อวิจัย แล้วจึงจะเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมา มีแนวทางหลายแนวที่นักประวัติศาสตร์นำมาใช้ในการทำงานภายใต้หัวข้อ “คำวิจารณ์ภายนอก”, “คำวิจารณ์ภายใน”, และ “การสังเคราะห์” สิ่งเหล่านี้รวมถึง “คำวิจารณ์ขั้นสูง” (higher criticism) และ “การวิจารณ์ตัวบท” (textual criticism) ถึงแม้ว่าบางรายการมีความแปรผันต่างกันไปตามเนื้อเรื่องและตามตัวนักวิจัยก็ ตาม แต่โดยทั่วไปแล้ว แนวคิดของการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์เกือบทั้งหมดจะมีรูปแบบดังนี้:- การบ่งชี้วันเวลาดั้งเดิม
- หลักฐานของสถานที่
- การยอมรับและรับรองผู้แต่ง
- การวิเคราะห์ข้อมูล
- การบ่งชี้ถึงความซื่อสัตย์สุจริต (integrity)
- แหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้
ระเบียบวิธีวิจัย
เป้าหมายการวิจัย
เป้าหมายของการวิจัยได้แก่การสร้างความรู้ใหม่ซึ่งมี 3 รูปแบบ (ขอบเขตระหว่างรูปแบบยังคงมีความคลุมเครืออยู่ดังได้กล่าวมาแล้ว)- การวิจัยเชิงบุกเบิก (Exploratory research) เป็นการสร้างโครงร่างและบ่งชี้ปัญหาใหม่ ๆ
- การวิจัยเชิงก่อ (Constructive research) เป็นการพัฒนาทางแก้ปัญหา
- การวิจัยเชิงประจักษ์ (Empirical research) เป็นการทดสอบความเป็นไปได้ของทางแก้ปัญหาโดยการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
ประเภทของการวิจัย
การวิจัยอาจแบ่งออกได้ประเภทที่ชัดเจนได้ 2 ประเภทคือระเบียบวิธีวิจัยที่มีการใช้
ระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้โดยนักวิชาการทั่วไปรวมถึง:- การวิจัยเชิงปฏิบัติ
- ชาติพันธุ์วรรณา
- วิธีเดลฟาย
- การวิเคราะห์เชิงสถิติ
- การจำลอง หรือ ซีมิวเลชัน
- แบบจำลอง
- แบบจำลองคณิตศาสตร์
- การสัมภาษณ์
- แบบสอบถาม
- การทำแผนที่ (Cartography)
- กรณีศึกษา (Case study)
- การจำแนกประเภท (Classification)
- การวิเคราะห์ข้ออ้างอิง (Citation Analysis)
- การถือชาติพันธุ์ของผู้บริโภค (Consumer ethnocentrism) และ CETSCALE
- ตัวบทหรือการวิเคราะห์ตัวบท (Content or Textual Analysis)
- ประสบการณ์ (Experience)
- การรู้เอง (intuition)
- การทดลอง (Experiment)
- การสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant observation)
- ปรากฏการณ์วิทยา (Phenomenology)
- วิธีวิทยาคิว (Q methodology)
- การสำรวจเชิงสถิติ (Statistical survey)
การตีพิมพ์
การตีพิมพ์ทางวิชาการ หมายถึงระบบที่ถือกันว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องให้นักวิชาการผู้มีความรู้เสมอกันทำการทบทวนผลงาน (peer review) ก่อนที่จะเผยแพร่แก่ผู้อ่านในวงกว้าง ผลงานทางวิชาการส่วนใหญ่ตีพิมพ์เป็นบทความในวารสารวิชาการ หรือในรูปของหนังสือ ในแวดวง “การตีพิมพ์ STM” ย่อมาจากการตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, และการแพทย์ (Science, Technology, and Medicine)ในสาขาวิชาที่มั่นคงแล้วส่วนใหญ่จะมีวารสารวิชาการและแหล่งตีพิมพ์เป็นของตนเอง แต่ก็มีวารสารวิชาการหลายเล่มที่เป็นสหสาขาวิชาที่ตีพิมพ์บทความวิชาการหลาย สาขาหลักและสาขารองในเล่มเดียวกัน ประเภทของวิชาการที่ได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ทั้งที่เป็นงานวิจัยหรือที่ เป็นความรู้เพื่อเผยแพร่ก็ยังมีความผันแปรหลากหลายระหว่างสาขาด้วยเช่นกัน
การตีพิมพ์งานทางวิชาการในขณะนี้ส่วนมากกำลังอยู่ในระยะของช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงซึ่งเริ่มมาจากการตีพิมพ์ในรูปอีเล็กทรอนิกส์ แบบจำลองทางธุรกิจการตีพิมพ์มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะรูปแบบทางอีเล็กทรอนิกส์ นับตั้งแต่ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2535- พ.ศ. 2539 ที่เริ่มมีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ของ ทรัพยากรข้อมูลข่าวสารอีเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะวารสารวิชาการซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ปัจจุบันมีแนวโน้มหลักเกิดขึ้นใหม่โดยเฉพาะวารสารวิชาการที่มีชือเสียงหลาย เล่มที่พัฒนาเป็น ระบบเปิด (open access) ระบบดังกล่าวนี้เปิดมี 2 รูปแบบได้แก่: การตีพิมพ์ระบบเปิดที่บทความบางส่วนหรือเกือบทั้งหมดยอมให้ผู่อ่านเข้าสืบ ค้นได้นับตั้งแต่วันตีพิมพ์ กับ ระบบเข้ากรุอัตโนมัติ (self-archiving) ที่ยอมให้ผู้เขียนบทความสำเนาบทความของตนเองนำขึ้นเผยแพร่โดยไม่คิดมูลค่าทางเว็บไซต์
ทุนวิจัย
เงินทุนที่ใช้ในการทำวิจัยเกือบส่วนใหญ่ได้มาจากแหล่งสำคัญ 2 แหล่งได้แก่ รัฐบาล (ส่วนใหญ่ผ่านมหาวิทยาลัย และในบางกรณีผ่านทางกองทัพ) และองค์การธุรกิจ (ผ่านหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของบริษัท) มีนักวิจัยระดับอาวุโสหลายคนที่ใช้เวลาของการวิจัยไม่น้อยไปในการเขียนข้อ เสนอขอรับทุนวิจัย เงินทุนวิจัยเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการช่วยสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในงานวิจัย เท่านั้น แต่ยังถือเป็นเกียรติภูมิของผู้วิจัยอีกด้วยหากได้รับเงินทุนมาจากแหล่งทุน ที่มีชื่อเสียง ตำแหน่งทางวิชาการบางตำแหน่งของสถาบันบางแห่งถือเป็นเงื่อนไขด้วยว่าจะต้อง เป็นผู้เคยได้รับทุนวิจัยจากแหล่งทุนบางแห่ง เช่น สถาบันสุขภาพแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เงินทุนวิจัยรัชดาภิเศกสมโภช หรือทุนวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และสภาวิจัยแห่งชาติของประเทศไทยเป็นต้นศัพทมูลวิทยา
คำว่า “research” มาจากภาษาฝรั่งเศส recherche, ที่มาจากคำ rechercher, หมายถึงการค้นหาอย่างใกล้ชิด ซึ่งคำว่า "chercher" หมายถึง "ค้นหา"; ซึ่งมีความหมายทั่วไปว่า 'สำรวจอย่างถี่ถ้วน'พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำ “วิจัย” อย่างสั้น ๆ ว่าหมายถึงการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา
ดูเพิ่ม
- รายชื่อสาขาการศึกษาระดับปริญญาเอก (สหรัฐอเมริกา)
- นวัตกรรม
- การชุมนุมทางวิชาการ
- การวิจัยดำเนินงาน
- งานวิจัยที่มีความเริ่มแรก
- Advertising Research
- Creativity techniques
- Demonstrative evidence
- Due Diligence
- Empirical research
- European Charter for Researchers
- Internet research
- Lab notebook
- Marketing research
- Open research
- Participatory action research
- Psychological research methods
- Research and development
- Social research
- Empirical evidence
- Conceptual framework
อ้างอิง
- Structure of Research, Trochim, W.M.K, (2006). Research Methods Knowledge Base.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น